ปวดเอวเหลือเกิน เนื่องจากเป็นวันเบา ๆ ของเดือน เราจะรูู้สึกปวดเกือบทุกเดือน อาภัพแท้ ๆ เกิดมาเป็นหญิง ความคิดหนึ่งก็แว้บขึ้นมา หากเราลองแช่น้ำอุ่นคงจะดีขึ้น ดังนั้นเมื่อเปิดน้ำซะจนเต็มกะละมังใหญ่แล้วจึงลงมานั่งแช่ ความอุ่นของน้ำช่วยทำให้อาการปวดผ่อนคลายไปได้บ้าง จึงยื่นขาออกจากกะละมัง หยิบแปรงใยบวบออกมา เพื่อจะถูขี้ไคลที่ข้อพับขา ทันทีที่ตามองไปเห็นขาของตน รู้สึกตกใจ มันเหมือนซากศพ ซากขาของใครก็ไม่รู้ พลิกขาขึ้นมาพิจารณา ย้อนมองมาที่แขน หน้าอก ท้อง ใจหายวาบ นี่มันซากเรานี่
ไม่เคยฝึกอสุภะกรรมฐาน เนื่องจากรู้สึกกลัว แค่เห็นเลือดก็ผวา ได้แต่อาศัยวิธีการฝึกดูจิต ตามรู้ ตามดู ความคิด ไม่พยายามปรุงแต่ง เกือบครึ่งค่อนปี แต่ก็เผลอบ่อย ๆ บางวันก็ไม่ได้ฝึกเลยเพราะเผลอทั้งวัน ช่วงหลัง ๆนี่ยิ่งงานยุ่ง เมื่องานยุ่ง จากที่เคยตั้งใจปฏิบัติ มันก็เริ่มห่างหาย การปฏิบัติด้วยการดูกายยิ่งแล้วใหญ่ เพราะตามดูไม่ทัน รู้สึกว่าไม่ใช่จริต ในการฝึก ก็เลยทิ้งไป แต่วันนี้แปลกมาก ทำไมอยู่ ๆ รู้สึกได้ถึงความเป็นซากของร่างกายได้ชัดเจน จนน่ากลัวอย่างนี้
รู้สึกได้ถึงความกลัวและกังวลในใจ เปิดเวบไซต์ธรรมะที่ประจำ ค้นหาวิธีการเจริญภาวนาแบบ กายานุปัสนา คำตอบที่ได้เริ่มเข้าใจในการปฏิบัติ เพราะเคยคิดว่า แค่ฝึกปฏิบัติด้วยการดูจิต แค่นี้ก็พอ แต่คำแนะนำจากกัลยาณมิตร บอกว่า ถึงตอนไหนดูกายได้ชัด ก็ให้ดูกาย ถึงตอนไหนดูจิตได้ชัดก็ให้ฝึกดูจิต เราสามารถฝึกได้ทั้งดูกายและจิตควบคู่กัน ไม่ใช่ฝึกเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อมองเห็นว่ากายเป็นแค่ซาก ก็ให้ตามดูซากนี่ไปเรื่อย ๆ อย่านึกกลัว เพราะวันหนึ่งจะเห็นว่ามันไม่ได้มีอย่างที่เราเห็น
ขอบคุณความปวด ที่ช่วยดึงเรากลับเข้ามารู้สึกตัวตนอีกครั้ง ไม่ให้หลงไม่ให้เผลอไปตามโลกนานจนเกินไป ย้อนกลับมามองซาก ตัวการที่ทำให้ปวด ทำให้นึกไปถึงงานศพที่เคยเข้าร่วมพิธี เนื่องจากไม่มีเมรุ งานศพจึงถูกเผากลางที่โล่งแจ้งบนกองฟอน ทำให้มองเห็นสภาพซากที่ค่อย ๆ ถูกไฟลามเลีย และทำลายไปอย่างช้า ๆ พร้อมเสียงร่ำไห้จากญาติพี่น้อง เฮ้อ ! สักวันซากที่เราเฝ้าถนอมมันนี้ ก็คงจะโดนพระเพลิงทำลายด้วยเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น