แล้วเรื่องดี ๆ ก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อโอกาสวิ่งมาชนโครมเข้าให้ ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนของวันหนึ่ง คุณครูซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเหมือนเป็นแม่อีกคนของเรา ได้เข้ามาคะยั้นคะยอให้เราส่งผลงานเข้าร่วมกิจกรรมครูรักการอ่าน เหตุผลที่ท่านอยากให้ส่ง เนื่องจากเรามีอายุงานพอที่จะทำผลงานวิชาการ ซึ่งการส่งผลงานเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จะส่งผลให้เราได้เกียรติบัตร เป็นสิ่งการันตีในความสามารถพอจะยื่นส่งผลงานได้ เราเองไม่อยากขัดใจ จึงตอบส่ง ๆ ไป กะว่าประเดี๋ยวท่านก็คงลืม
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ขณะที่เรากำลังพาเด็ก ๆ ซ้อมวอลเล่ย์หลังเลิกเรียน คุณครูคนเดิม ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งว่า พรุ่งนี้กรรมการจะออกประเมิน ให้เราเตรียมผลงานรอรับการประเมิน เราอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ ขณะนี้เวลา 6 โมงเย็น มันยังมีเวลาอีกกี่ชั่วโมงนะ พอที่จะได้เตรียมผลงานได้ทัน เมื่อได้รับคำยืนยันว่า ส่งรายชื่อของเราเข้าร่วมกิจกรรมนี้จริง และกรรมการจะมาประเมินในวันพรุ่งนี้ เราก็เริ่มวางแผนการทำงาน แต่ก็ยังเล่นวอลเล่ย์บอลกับเด็ก ๆ ต่ออีกพักใหญ่ ๆ
กว่าจะทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก้เกือบสองทุ่ม เราเริ่มค้นเกณฑ์ประเมิน ครูรักการอ่าน เมื่ออ่านเกณฑ์ จบ เราแอบยิ้มกริ่ม เรื่องนี้เรื่องเล็ก หากกรรมการทำตามเกณฑ์ประเมินจริง เราผ่านฉลุยแน่นอน แต่สิ่งที่แอบกังวลใจเล็ก ๆ คือ เรื่องของการประหม่าในช่วงนำเสนอ เด็กขี้อายที่แอบโตมาในร่างของผู้ใหญ่ มันเริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ทันที
ความมั่นใจในเรื่องที่เราสามารถผ่านเกณฑ์การประเมินได้ง่าย ๆ เพราะเรามั่นใจในเรื่องการอ่าน ที่สำคัญ เราใช้ weblog บันทึกทุกความรู้จากการอ่าน แล้วแชร์ผ่าน Social network ทุกครั้ง ดังนั้น บันทึกการอ่านที่เป็นหลักฐาน มันอยู่บนโลกออนไลน์ทั้งหมด เราสามารถนำความรู้เหล่านี้มานำเสนอได้ทันที่ เนื่องจากใจรักในเรื่องของ weblog อยู่แล้ว และอยากนำความรู้เหล่านี้ ร่วมแบ่งปัน ดังนั้น เด็กหญิงขี้อาย รู้สึกอยากที่จะออกจากมุมซ่อนตัว อยากเล่า อยากจะบอก อยากจะนำเสนอ ด้วยคิดว่า สิ่งนี้อาจจะเป็นประโยชน์กับใครบางคนบนโลกนี้ก็เป็นได้
เมื่อใจรักทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี แต่เมื่อถึงรอบที่ต้องนำเสนอในระดับเขตพื้นที่การศึกษา คนเข้าชมก็เริ่มมากขึ้น นึกประหม่า จึงหาหมุมหลบนั่งคิดทบทวน นี่เป็นก้าวแรกที่เรามีเวที นำเสนอสิ่งที่ใจรัก นี่เป็นโอกาสที่วิ่งมาชนตูมเข้าอย่างจัง ครั้งนี้เรามีเวทีเล็ก ๆ ได้แสดงความสามารถ และหลังจากนี้ต่อไป เราอาจได้มีเวทีที่ที่กว้างขึ้น ได้นำความสามารถจากใจรักเหล่านี้ ร่วมแบ่งปัน ทำประโยชน์ให้กับเพื่อนร่วมอาชีพก็เป็นได้
เมื่อเรากล่าวนำเสนอจบ ได้ยินเสียงกรรมการท่านหนึ่งกล่าวชม “ คุณครูเก่งมากครับ “ ใจพองโตจนคับอก แค่คำ คำนี้ เด็กขี้อายเริ่มมั่นใจที่จะก้าวออกมายืนด้านหน้า และสามารถตอบปัญหาในแบบฉบับของตนเองได้จนจบทุกคำถาม
รอบข้าง คู่แข่งเป็นอย่างไร ผลจะออกมาในรูปแบบใด เราไม่ต้องการคำตอบ แต่สิ่งที่ได้ คือสามารถนำเสนอในสิ่งที่ตนเองรัก นำเสนอความสามารถของตน ผลการตัดสิน คงต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของกรรมการ ซึ่ง แต่ละคนก็ล้วนต่างความคิด ต่อให้มีเกณฑ์ในการตัดสินเช่นไร ระบบอุปถัมภ์ ก็ยังคงติดแน่นไม่สามารถละไปจากสังคมไทยได้ เรายอมรับ ผลการตัดสินทุกประการ ก็บอกแล้วไง ทำไปด้วยใจรัก ….