• Breaking News

    เวบบล็อกบันทึกชีวิตธรรมดาของผู้หญิงธรรมดา มิมีสาระ แค่บ้า ๆ บ่น ๆ

    ค้นหา

    19 ม.ค. 2556

    เก็บตกจากวัดป่า

    ทุกช่วงของการปิดเทอม ไม่ว่าจะปิดเทอมระยะยาวช่วงเมษายน หรือว่าระยะสั้น  เรามักจะหาโอกาสแว้บไปบวชชีที่วัดทุก ๆ ปี    และปีนี้ก็เช่นกัน  เมื่อถึงเวลาของการพักผ่อน จึงเก็บกระเป๋าแต่งชุดขาวไปบวชชี พราหม์ที่วัดเชิงพนมดิน  จังหวัดสุรินทร์ เป็นระยะเวลา 7 วัน

    DSC06047 DSC06046

    เนื่องจากเดินทางมาวัดตัวคนเดียว  เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ชุดขาวมาครบ ที่สำคัญ ดอกบัว ธูปเทียนสำหรับขอบวชมาเรียบร้อย   จึงเป็นเรื่องแปลกสำหรับแม่ชี   เพราะนานๆครั้งจะมีผู้หญิงอายุยังไม่เข้าขั้นวัยทอง  เตรียมตัวมาบวชพร้อมขนาดนี้  และครั้งนี้ก็ไม่พ้นกับคำถาม อกหักหรือเปล่าที่มาบวช  haha 

    เนื่องจากเป็นวัดป่าบริบทโดยรอบ จึงน่าอยู่น่าอาศัยเป็นอย่างมาก  ต้นไม้  ดอกไม้ แข่งกันงามสะพรั่ง  เหล่านกกาส่งเสียงร้องโดยรอบ  อาคารใช้สอยกระทัดรัด   เหมาะสำหรับผู้การบำเพ็ญภาวนา  โดยเฉพาะอัธยาศัยไมตรีของแม่ชีทุก ๆ ท่าน  ที่ทำให้เราปลาบปลื้มใจทุกครั้งที่หวลระลึกถึง

    DSC06049 DSC06052

    หลังจากที่ขอบวชกับหลวงพี่เรียบร้อย  จึงเริ่มปฏิบัติหน้าที่  แม่ชี โดยทันที  กิจวัตรประจำวันเริ่มจาก

    04.00  - 05.30   ทำวัตรเช้า  และนั่งสมาธิ

    05.30  - 07.00   เช็ดถูปัดกวาดศาลา  กวาดโรงครัว  จัดเตรียมสำรับ( เหนื่อยมาก ๆ)

    07.00  - 07.30   ฉันอาหาร

    07.30 – 08.30   เก็บจานล้าง  ทำความสะอาดโรงอาหาร  บางวันจาน ชาม กองเป็นภูเขา

    08.30 – 09.30   ทำภารกิจส่วนตัว  ซักเสื้อผ้า กวาดห้องพัก กวาดบริเวณโดยรอบ

    09.30 -  11.00   เตรียมสำรับสำหรับเพล  วันไหนมีญาติโยมมาทำบุญเยอะ  ก็คอยต้อนรับ

    11.00  – 11.30   ฉันเพล

    11.30  -  12.30   ล้างจานและเก็บกวาดโรงครัว

    12.30  -  14.00   ช่วยแม่ชีทำงานโดยทั่วไป  เช่น ปลูกต้นไม้  กวาดถู ศาลา

    14.00 –   16.00   เป็นเวลาสำหรับภาวนาในห้องคนเดียว (ชอบมาก วันแรก ๆ หลับประจำ)

    16.00 -   17.00   ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ

    17.00  -  18.00  มานั่งภาวนาที่ห้องต่อ  บางวันก็กวาดใบไม้รอบ ๆ ที่พัก

    18.00   -  19.00  เดินจงกรม และนั่งสมาธิ  รอบดึก พร้อม ๆ กัน

    19.00 -   21.00  กลับมานั่งสมาธิ  หรือไม่ก็เดินจงกรม  บางวันเอาหนังสือธรรมะมานั่งอ่าน

    21.00     เอนกายนอน พักผ่อนกายา

    นี่คือกิจวัตรในแต่ละวัน   เนื่องจากเคยเป็นลูกเทวดา  ตื่น 7 โมง มีอาหารตั้งอยู่บนโต๊ะ  รับประทานเสร็จแล้วไปทำงานได้เลย  เสื้อผ้าก็โยนลงเครื่องซัก งานหนัก ๆ ไม่เคยแตะต้อง   เมื่อต้องมาอยู่วัด  เหนื่อยแทบขาดใจ  มือจับไม้กวาด มันพองเป็นปุ่มด้าน ๆ ปวดข้อมือ   ปวดขา มันปวดจนขาสั่นไปหมด   ปวดที่เอวมันเหมือนจะขาดออกจากตัว  แต่เมื่อหันไปมองยายชีที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่กล้าบ่น เพราะอาย  แม่ชีแทบทุกท่านอายุมากกันทั้งนั้น  ไม่เห็นท่านจะบ่นว่าเหนื่อย เห็นท่านทำไปยิ้มไป  ทุกคนอายุมากกว่าเราทั้งนั้นเห็นท่านทำงานหนักนึกสงสาร  เลยอาสาช่วยมันซะทุกเรื่อง  มันก็ยิ่งเหนื่อย  แต่ว่าได้คะแนนเอ็นดูทั้งแม่ชีทั้งพระ มาเกือบเต็ม 10

    เมื่องานประจำหนัก  เวลาในการเรียนรู้วิปัสนาที่เป็นเป้าหมายในการเข้าวัดมันก็น้อยลง   แต่กลับรู้สึกว่าทุกครั้งที่นั่งสมาธิ  รู้สึกสบาย  ครั้นพอนั่งไปนาน ๆ เป็นชั่วโมง เริ่มรู้สึกปวดหรือที่เรียกว่ามีเวทนา เคยอ่านหนังสือพบว่า ให้นำใจไปจดจ่อที่บริเวณที่ปวด ตรงไหนปวดมาก เพ่งมันไปที่นั่น สักพักมันจะหายไป  ทดลองดูหลายครั้งมันก็หายปวดจริง ๆ แต่ทว่าพอตรงนี้หาย ตรงโน้นก็ปวด แถมปวดมากเสียด้วย  พอเอาใจไปจดจ่อที่นู่น ที่นู่นก็หาย  ที่โน้นก็ปวดขึ้นมาอีก  อ้าว ! ดูเหมือนว่ากำลังวิ่งไล่จับลม    มาปีนี้เริ่มเข้าใจ  ไม่รู้่ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า   เข้าใจว่า การปวดหรือเวทนามันเป็นธรรมชาติของร่างกาย  มันปวดได้มันก็หายได้  เหมือนคำว่า มีเกิดแล้วก็มีดับ   หากเราไปสนใจเวทนาก็เสียเวลาเปล่า  หลังจากเข้าใจเช่นนั้น ทำให้นั่งสมาธิได้นานขึ้นโดยที่อาการปวดก็ยังคงอยู่  แต่ไม่ได้ไปใส่ใจมัน   สบายมากขึ้น จนนึกสงสัยว่าตนเองหลับในสมาธิหรือเปล่า  กลับบ้านมาปฏิบัติต่อก็ยังรู้สึกสบาย บางวันเหนื่อยมาก ๆ  เมื่อก่อนจะเอนตัวหลับลงทันที  กลับจากวัดมาครั้งนี้เปลี่ยนนิสัยใหม่  เมื่อรู้สึกเหนื่อยนั่งขาขวาทับขาซ้าย  หลับตาลง พุธโธ สักพัก  ก็จะรู้สึกสดชื่น สามารถทำงานต่อไปปกติ โดยที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย   มันจึงก่อให้เกิดคำถามว่า เราแอบหลับ ในสมาธิหรือเปล่าน๊า  ข้อสงสัยนี้คงต่อหาคำตอบต่อไป

    แต่แง่คิดที่ได้กลับมาแบบจัดเต็มจากวัดแห่งนี้  คือแม่ชีท่านหนึ่ง  ท่านจะเดินไปตลาดเพื่อซื้อของใช้เป็นประจำ    ระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร  ยายชีแก่ ๆ เดินไปตามถนนที่แดดร้อน ๆ รถวิ่งกันขวักไขว่ไม่นั่งรถโดยสาร   ไม่โบกรถง้อผู้ใด  เดินไปเรื่อย ๆ ขากลับถือข้าวของพะรุงพะรังกลับมาจากตลาด เราเห็นท่านเดินกลับมาจากตลาด แล้วสลดใจ  ถามว่า ว่าทำไมไม่นั่งรถโดยสาร ท่านบอกขี้เกียจรอ  อีกอย่างท่านเดินจนชินแล้ว  เดินจนชินอย่างงั้นรึ ? ข้าวของในมือที่ถือมา  ถุงหูหิ้วน้ำหนักมากพอดู  ทำให้มีรอยแดง ๆ ในฝ่ามือ  รูปร่างผอมบาง  รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า รวมทั้งรอยแดงเป็นปื้นยาวในฝ่ามือจากการถือของหนัก  เรียกน้ำตาซึมออกมาคลอเบ้าจนได้  cry  เหตุการณ์แบบนี้ช่างน่าสะเทือนใจนัก    กลับมานั่งคิด คิดแล้วคิดอีก  เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็ถึง ทำไมจะต้องรอพึ่งคนอื่น   ใครจะจอดรถรับหรือไม่ ไม่สนใจ  ไม่อายที่จะเดิน ใช่แล้ว เรากำลังได้รับบทเรียน  เพราะตลอดชีวิตของการทำงาน  ต้องหวังพึ่งหรือสนใจเสียงรอบตัวเรื่อยมา  เหนื่อยหน่อยไม่มีทางยอมทำ  ทิ้งตั้งแต่คิดจะทำ   น่าอายแท้ ๆ  นึกอายแม่ชีแก่ ๆ ท่านนี้   หากคิดเหมือนท่านสักนิด  ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็เสร็จ ใครจะช่วยหรือไม่ช่วย จะสนทำไม   ทำเรื่องดี ๆ ไม่เห็นต้องอาย     เข้าวัดครั้งนี้บทเรียนเพียงบทเดียว  ก็คุ้มค่าเหนือยจริง ๆ victory

    Picture 210

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    บทความคอมพิวเตอร์

    Fashion

    Popular

    Beauty

    Recent Post

    Travel