คนเรามักมองคนอื่นในมุมของตนกันทั้งนั้น แม้แต่ตัวเราเอง ดังนั้นไม่เคยแปลกใจ หากใครจะบอกว่าเราเป็นมนุษย์ที่มีโลกส่วนตัวเป็นกำแพงขวางสูงเสียดฟ้า ทั้งที่ตัวเราเองกลับมองไปว่า ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ก็คนเหมือนกัน คิดเหมือนกัน เพียงแต่หากคิดว่าถูก ว่าดี ฉันก็จะทำให้ได้แบบที่ฉันคิด ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนไปกับ แนวปฏิบัติของใคร
เนื่องจากช่างคิด ช่างสงสัย จึงสงสัยตลอดมา เอีะ เราเกิดมาทำไม คำว่าเกิดมาทำไม เป็นปัญหาที่เก็บไว้ตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็ก ๆ นึกสงสัยว่าเหตุใด คนตายเค้าต้องร้องไห้ เคยสงสัยทำไมคนต้องแต่งงาน เมื่ออายุมากขึ้น เริ่มเจอเรื่องราวเข้ากับตน จึงเข้าใจ แต่คำตอบที่ค้นหา “ คนเราเกิดมาทำไม “ มันก็ยังไม่พบเจอ นั่นเป็นจุดที่ทำให้ เราเลือกเดินสายธรรมะ ยึดเป็นสรณะในชีวิตตั้งแต่ เริ่มคิดเป็น
แน่นอนมันคือเรื่องแปลก เด็กสาวหอบเป้เดินเข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรมวันนั้น กลายเป็นสาวใหญ่วัย 36 ขับรถจิ๊บแบกกระเป๋าเข้าวัดในวันนี้ ถึงแม้โดนมองแปลก ๆ มนุษย์โลกส่วนตัว คน……สารพัดใครจะคิด ใครจะค่อนแคะ วันนี้กลับรู้สึกมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ มั่นใจในเส้นทางที่ตนเลือก มั่นใจนักเส้นทางนี้ตนจะไม่หลงไปไกล
ธรรมะไม่ใช่สิ่งที่บรรดาลทุกสิ่งได้ตามที่ต้องการ ไม่ใช่ยกมืออธิฐานแล้วจะได้ดังใจ ไม่ใช่เอาไว้แก้กรรมแก้เวร แต่ธรรมะเป็นแนวคิดที่ทำให้เกิดปัญญา เมื่อเจอทุกข์ ธรรมะที่ได้เรียนมาจากคอร์สวิปัสสนา มันจะผุดขึ้นมาสอนตน เช่น บทเรียนแรกที่พบ ช่วงที่นั่งทำสมาธิ ความปวดที่เข้ามา มันปวดแล้วก็หาย แล้วก็ปวดใหม่ มันไม่ได้ปวดตลอดเวลา เช่นเดียวกับความทุกข์ มันผ่านมา แล้วมันก็จะผ่านไป ไม่มีทุกข์ใด เกิดตลอดเวลา จะทุกข์ก็เมื่อตอนคิด คิดถึงความทุกข์เมื่อใด มันก็ทุกข์ขึ้นเมื่อนั้น ดังนั้น เมื่อเจอทุกข์ ให้รู้ว่าเดี๋ยวมันก็ผ่าน ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แล้วมันก็จะผ่านไป
นั่นเป็นแค่ปัญญาเล็กน้อยที่เก็บมาจากการเรียนรู้ ยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เพื่อเพิ่มพูนปัญญาให้กับตน มนุษย์โลกส่วนตัวสูง ขอใช้เวลาส่วนหนึ่งเรียนรู้ชีวิต ค้นหาคำตอบให้กับตน “ เราเกิดมาทำไม “ ถึงแม้จะทำให้ใครต่อใครนึกขบขันก็ตามที แต่จะมีใครรู้ มนุษย์โลกส่วนตัวสูง รู้สึกสุขเพิ่มขึ้นจากข้างในมากขึ้นทุก ๆ วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น