เพราะความมุ่งมั่นแบบลับ ๆ ที่เป็นความลับเนื่องจากหากเล่าให้ใครฟังคงได้หัวเราะกันฟันหัก ความมุ่งมั่นอยากสร้างวัดเพื่อถวายในพระพุทธศาสนา หากไม่เป็นวัดก็ขอให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมสักแห่ง ขอแค่เป็นแหล่งให้คนร้อนใจได้พักผ่อนสักที่ และเป็นสถานที่เล็ก ๆ ที่สามารถแนะแนวทางให้มนุษย์ดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขบนโลกที่ร้อนรน ดังนั้นจึงใช้เวลาช่วงปิดเทอม ของทุก ปี เข้าปฏิบัติธรรมที่วัด เหตุผลข้อแรกคือ เรียนรู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะความรู้ด้านวิปัสนากรรมฐาน ในแนว สติปัฐฐานสี่ เหตุผลข้อที่สอง คือ เรียนร้แนวทางการบริหารวัดของแต่ละแห่ง ส่วนเหตุผลข้อที่สาม คือเก็บบุญจากการอาสาช่วยเหลืองานวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามพละกำลังของตน และในปีนี้ก็เช่นกัน เราได้เข้าร่วมการปฏิบัติธรรมวิปัสนากรรมฐานภาวนาเพื่อสุขภาพ ณ สำนักปฏิบัติธรรมป่าช้าบ้านอาเลา หัวเสือ โคกรัง ใกล้ ๆ บ้านนี่เอง
มาปีนี้ได้เรียนรู้การดำเนินโครงการปฏิบัติธรรมสำหรับประชาชนทั่่วไป พระอาจารย์ได้รวบกิจกรรมการปฏิบัติธรรม กับ การบำบัดสุขภาพเข้าด้วยกัน กิจกรรมในการดำเนินงาน มีการเรียนรู้การปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ฝึกเจริญสติ เดินจงกรม ตอบปัญหาการภาวนา ทำบุญโดยทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันภายในวัด นอกจากนั้นกิจกรรมในการบำบัดสุขภาพคือ การ Detox การพอกสมุนไพร
เนื่องจากการร่วมกิจกรรมกับผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างพ่อต่างแม่ ต่างจิตต่างใจ นั่นเองเป็นผลให้เรามองเห็นใจของตนชัด ใจของคนที่เข้าวัดบ่อย ๆ คือ อาการติดดี “ กูดี กูเก่ง กุคนมีบุญ กูถุก คนอื่นผิดทั้งโลก ” น่ารังเกียจและขยะแขยงนัก แต่เพราะถูกสอนให้แค่รู้อาการที่จิตเป็น ไม่ต้องผลักไส อาการดังกล่าวจึงดูเบาลงไปมาก ความรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นผู้เข้าร่วมกิจกรรม พุดหรือแสดงกิริยาไม่ถุกตาไม่ถูกใจ ลดลงทันทีที่มีสติมองเห็นจิตของตน เราสามารถพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ตอบคำถาม และแนะนำผู้ร่วมกิจกรรมได้โดยใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้ม ผลที่ได้ย้อนกลับมาคือรอยยิ้ม คำขอบคุณ และ อาการอิ่มใจจนถึงขณะนี้