ชอบบันทึกเรื่องทั้งมีสาระและไร้สาระเสมอ บางครั้งดูเหมือนว่าคนบันทึกมีความรู้สูงปรี๊ด แต่บางครั้งก็ยังกะเด็กอนุบาล มันก็แล้วแต่ช่วงจังหวะและอารมณ์ที่ใช้บันทึก วันนี้ได้รับคำชมจากบทความเรื่องหนึ่ง ย้อนกลับไปอ่าน ดูอีกครั้ง กลับมองเห็นจิตตนเองในขณะที่เขียนเรื่องนั้นขึ้นมาได้ ช่วงนั้นจิตใจแจ่มใส เพราะพึ่งกลับมาจากทำบุญ ไม่มีอคติใด ๆ เขียนด้วย ใจสนุกสนาน เพราะฉะนั้นคนอ่านจึงไม่รู้สึกถูกกดดันและอ่านจบด้วยรอยยิ้ม เราจึงจับประเด็นบางอย่างของการเขียนบทความได้ นั่นคือ จิตขณะที่จะสื่อสาร เราคิดเช่นไร คนอ่านจะสื่อสารใจจากเราได้แบบเดียวกัน บทความแต่ละบทจะบอกตัวตน และบอกความคิดเราได้จากภาษาที่ถ่ายทอดออกไปนั่นเอง
แต่ก็มีบางบทความ ที่ถึงแม้การแสดงความคิดเห็นออกมาในแนวไม่ถึงขนาดติ แต่ก็พอจะมองเห็นความผิดพลาดของตนเองชัดเชน บางครั้งเขียนโดยที่ไม่ได้นึกถึงคนที่เราพาดพิง ผลเสียไม่ได้ตกอยู่ที่บุคคลที่เรากล่าวถึง แท้ที่จริงแล้ว ผลเสียตกอยู่ที่คนเขียนซะมากกว่า การที่เราสาวไส้ตัวเองออกมาขาย ดูแล้วไม่คุ้มค่า มันจึงเป็นบทเรียนที่่สำคัญ ก่อนเขียนให้ทบทวนดูก่อนทุุก ๆ ครั้ง ผลเสียผลดีอย่างไหนให้ผลมากกว่ากัน
เมื่อเขียนบทความขึ้นมาแล้ว ต้องกล้ายอมรับผลของการแสดงความคิดเห็นของผู้อ่าน คำวิจารณ์บางครั้งรุนแรง บางครั้งอ่านแล้วพองตัวยิ่งกว่าอึ่งอ่าง แต่หากคิดจะพัฒนาต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ยอมรับและแก้ไขตนในสิ่งที่พลาด และห้ามท้อใจที่จะเขียน ข้อความสุดท้าย ต้องเตือนใจตนเองทุกครั้ง สู้ต่อไปจิบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น